วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

น้ำพริกน้ำปู




ส่วนผสม
1. พริกขี้หนู 20 เม็ด
2. กระเทียม 10 กลีบ
3. หอมแดง 5 หัว
4. ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำปู 1 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือ 1/2 ช้อนชา


วิธีทำ

1. โขลกเกลือ ตะไคร้ กระเทียม และหอมแดง รวมกันให้ละเอียด
2. โขลกพริกขี้หนูรวมกัน
3. ใส่น้ำปูลงคลุกเคล้าให้เข้ากัน

น้ำพริกน้ำปู อ่านว่า น้ำพิกน้ำปู๋ เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้น ชนิดของพริกที่ใช้คือ พริกขี้หนูดิบ หรือพริกหนุ่ม (พริกดิบ) แล้วแต่ชอบ (สุมาลี ทะบุญ, สัมภาษณ์, 27 มิถุนายน 2550)

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

น้ำพริกตาแดง




ส่วนผสม

. พริกแห้งย่างไฟ 15 เม็ด
2. กระเทียมย่างไฟ 20 กลีบ
3. หอมแดงย่างไฟ 5 หัว
4. ปลาแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ
5. ปลาร้าสับย่างไฟ 1 ช้อนโต๊ะ
6. ถั่วเน่าแข็บย่างไฟ 1/2 แผ่น
7. เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. โขลกเกลือกับกระเทียมรวมกัน
2. ใส่พริกแห้งย่างไฟ ตามด้วยปลาแห้งป่น โขลกให้เข้ากัน
3. ใส่ปลาร้าสับย่างไฟ โขลกให้เข้ากัน
4. ใส่ถั่วเน่าแข็บย่างไฟ โขลกให้เข้ากัน
5. ใส่หอมแดงย่างไฟ โขลกรวมกันให้ละเอียด คนให้เข้ากัน


น้ำพริกตาแดง อ่านว่า น้ำพิกต๋าแดง บ้างเรียก น้ำพริกแดง เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้นเหนียว มีส่วนผสมหลักคือ พริกแห้ง ปลาร้า ถั่วเน่าแข็บ ปลาแห้ง บางสูตรไม่นิยมใส่ถั่วเน่าแข็บ และปลาแห้ง(สุมาลี ทะบุญ, สัมภาษณ์, 27 มิถุนายน 2550)

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

น้ำพริกแคบหมู



ส่วนผสม

1. แคบหมู 50 กรัม
2. พริกหนุ่มย่างไฟ 20 เม็ด
3. กระเทียม 10 กลีบ
4. เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. โขลก เกลือ กระเทียม และพริกเดือยย่างไฟ รวมกันให้ละเอียด
2. ใส่แคบหมู ลงโขลกรวมกัน


น้ำพริกแคบหมู เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะค่อนข้างแห้ง ชนิดของพริกที่นิยมใช้คือ พริกหนุ่ม หรือพริกดิบ บ้างใส่พริกขี้หนูด้วย แล้วแต่ชอบ บ้างนิยมนำกระเทียมย่างไฟก่อนนำมาปรุง (สุมาลี ทะบุญ, สัมภาษณ์, 27 มิถุนายน 2550)

น้ำพริกจิ๊นหมู



ส่วนผสม

1. เนื้อหมูบด 100 กรัม
2. พริกชี้ฟ้าย่างไฟ 2 เม็ด
3. หอมแดงย่างไฟ 3 หัว
4. กระเทียมย่างไฟ 5 กลีบ
5. เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ต้มหมูสับ ใส่น้ำเล็กน้อย พอสุก ตักขึ้นพักไว้
2. โขลกพริก หอมแดง กระเทียม รวมกันให้ละเอียด
3. ใส่หมูสับ โขลกให้เข้ากัน
4. เติมน้ำต้มหมูพอขลุกขลิก คนให้เข้ากัน

น้ำพริกจิ๊นหมู หรือน้ำพริกจิ๊น เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้นถึงขลุกขลิก โดยเอาน้ำต้มเนื้อหมูใส่ลงไปด้วย ใส่มากน้อยแล้วแต่ชอบ ชนิดของพริกที่นิยมใช้คือ พริกดิบ จะเป็นพริกชี้ฟ้า หรือพริกดิบพันธุ์ใดก็ได้ ถ้าชอบเผ็ด ให้ใช้พริกชี้ฟ้า (ศิริพร โปร่งคำ, สัมภาษณ์, 21 มิถุนายน 2550)

เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม

บีบมะนาวใส่หมูสับก่อนนำลงต้ม จะทำให้หมูสับนิ่ม

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หลามบอน



ส่วนผสม

1. บอนต้นอ่อน 500 กรัม
2. ใบมะกรูด 5 ใบ

เครื่องแกง

1. พริกแห้ง 15 เม็ด
2. หอมแดง 7 หัว
3. ข่าหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
4. ตะไคร้หั่น 2 ช้อนโต๊ะ
5. เม็ดผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ปอกเปลือกบอน หั่นเป็นท่อน ล้างน้ำ นำไปนึ่ง นึ่งให้สุกจนเละ ประมาณ 30 นาที พักไว้
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. ผสมเครื่องแกงกับบอนนึ่งคนให้เข้ากัน
4. ใส่ส่วนผสมลงในกระบอกไม้ไผ่
5. นำไปย่างไฟ คอยเติมน้ำ ใช้ไม้คนไปมา
6. เมื่อหลามบอนสุกแล้ว ผ่าครึ่งกระบอกไม้ไผ่ นำมารับประทานได้

หลามบอน มีวิธีการทำคล้ายกับแกงบอน แต่ทำให้สุกโดยใส่ลงกระบอกไม้ไผ่ นำมาเผากับถ่านไม้ และไม่ผัดเครื่อแกงกับน้ำมันพืช (สุมาลี ทะบุญ, สัมภาษณ์, 24 มิถุนายน 2550)

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แกงแคหอย



ส่วนผสม

1. หอยขม 400 กรัม
2. ข้าวคั่ว 1/2 ถ้วย
3. ตำลึง 1/2 ถ้วย
4. ชะพลู 1/2 ถ้วย
5. ชะอม 1/2 ถ้วย
6. ถั่วฝักยาว 1/4 ถ้วย
7. มะเขือยาว 1/4 ถ้วย
8. มะเขือพวง 1/4 ถ้วย
9. ยอดมะพร้าวอ่อน 1/4 ถ้วย
10. พริกขี้หนู 3 เม็ด
11. ดอกงิ้วแห้ง 10 ดอก
12. ข่าหั่น 4 แว่น
13. ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 1 ต้น
14. ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
15. ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
16. น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

เครื่องแกง

1. พริกแห้ง 5 เม็ด
2. กระเทียม 5 กลีบ
3. หอมแดง 5 หัว
4. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2. ล้างหอยขมให้สะอาด แล้วตัดก้นหอยออก
3. กระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน ใส่เครื่องแกงลงผัดให้หอม
4. ใส่หอยลงผัดให้เข้ากัน เติมน้ำ เคี่ยวต่อจนหอยสุก
5. ใส่ตะไคร้ และข่า
6. ใส่ผักแกงแค คนให้ทั่ว
7. พอเดือด ใส่ข้าวคั่ว คนให้เข้ากัน พอผักสุก ปิดไฟ

แกงแคหอย หรือแกงข้าวคั่วหอย ใช้ส่วนผสมเช่นเดียวกับแกงแค เพียงแต่เปลี่ยนจากแกงกับเนื้อไก่หรืออื่นๆ มาเป็นหอยขม และใส่ข้าวคั่ว เพื่อให้น้ำแกงมีความข้นและมีกลิ่นหอมจากข้าวคั่ว

เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม

เคล็ดลับในการปรุง
ล้างหอยขม โดยแช่น้ำไว้ ใส่พริกขี้หนูทุบพอแตก จะช่วยให้ล้างเศษดินที่ติดอยู่ออกได้ง่าย

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552



ส่วนผสม

1. เนื้อไก่บ้าน 200 กรัม
2. ตำลึง 1 ถ้วย
3. ชะอม 1/2 ถ้วย
4. ชะพลู 1/2 ถ้วย
5. ถั่วฝักยาว 1/2 ถ้วย
6. มะเขือเปราะ 1/2 ถ้วย
7. มะเขือพวง 1/4 ถ้วย
8. ดอกงิ้วแห้ง 5 ดอก
9. เห็ดลมอ่อน 1/2 ถ้วย
10. ถั่วพู 1/2 ถ้วย
11. ผักขี้หูด 1/2 ถ้วย
12. ผักเผ็ด 1/2 ถ้วย
13. ดอกข่า 3 ดอก
14. ใบมะกรูด 5 ใบ
15. ผักชีฝรั่ง 2 ต้น
16. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
17. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ

เครื่องแกง

1. พริกขี้หนูแห้ง 15 เม็ด
2. กระเทียม 10 กลีบ
3. หอมแดง 5 หัว
4. ข่าหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
5. ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
6. กะปิ 1 ช้อนชา
7. ปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
8. เกลือ 1/2 ช้อนชา


วิธีทำ

1. สับไก่เป็นชิ้นพอคำ
2. เด็ดหรือหั่นผักทุกชนิด ล้างให้สะอาด พักไว้
3. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
4. เจียวกระเทียมที่สับแล้วพอเหลือง ใส่เครื่องแกงลงผัดให้หอม
5. ใส่ไก่ ผัดไก่ให้สุก
6. ใส่น้ำพอท่วมไก่ ตั้งต่อให้เดือด
7. ใส่ผักสุกยาก ตามด้วยผักที่สุกง่าย คนให้เข้ากัน พอผักสุก ยกลง

แกงแค เป็นแกงที่ประกอบด้วยผักหลายชนิด และมีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมด้วยหนึ่งอย่าง เรียกชื่อแกงแคตามชนิดของเนื้อสัตว์ที่นำมาเป็นส่วนผสมนั้น เช่น แกงแคไก่ แกงแคกบ แกงแคจิ๊นงัว แกงแคปลาแห้ง ผักที่เป็นส่วนผสมหลัก ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ผักตำลึง ผักชะอม ใบชะพลู ผักชีฝรั่ง มะเขือพวง เห็ดลมอ่อน ผักเผ็ด และดอกแค (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, 475; สิรวิชญ์ จำรัส, สัมภาษณ์, 15 มิถุนายน 2550)

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แกงกล้วยดิบ




ส่วนผสม

1. กล้วยน้ำว้าดิบ 5 ลูก
2. เนื้อหมูสามชั้น 100 กรัม
3. ชะอมเด็ด 1 ถ้วย
4. ชะพลูหั่นหยาบ 1 ถ้วย
5. หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ


เครื่องแกง

1. พริกขี้หนูแห้ง 15 เม็ด
2. กระเทียม 10 กลีบ
3. หอมแดง 5 หัว
4. ข่าหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
5. ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
6. กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
7. ปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
8. เกลือ 1/2 ช้อนชา


วิธีทำ

1. แกะเปลือกกล้วยออก หั่นบางๆ แช่ในน้ำผสมเกลือ
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. คั่วเครื่องแกงให้หอม ใส่น้ำ พอเดือด
4. ใส่หมูสามชั้น ต้มให้หมูสุก
5. ใส่กล้วย ต้มประมาณ 10 นาที จนกล้วยสุก
6. ใส่หอมแดงซอย ใส่ผักชะอม ใบชะพลู พอเดือด ปิดไฟ

แกงกล้วยดิบ เป็นแกงผักชนิดหนึ่ง นิยมใช้กล้วยน้ำว้าเป็นส่วนผสมหลัก และแกงกับเนื้อหมู

เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม

เคล็ดลับในการปรุง
ต้มกล้วยดิบให้สุก จนไม่มีรสฝาด

เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม
ควรเลือกกล้วยน้ำว้าผลแก่ แต่เปลือกยังเขียวอยู่

แกงกล้วยดิบ

แกงกระด้าง




ส่วนผสม

1. ขาหมู 300 กรัม
2. กระเทียม 20 กลีบ
3. พริกไทย 1/2 ช้อนโต๊ะ
4. รากผักชี 3 ราก
5. ผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
6. ต้นหอม 1 ช้อนโต๊ะ
7. เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ล้างขาหมูให้สะอาด เลาะเอากระดูกออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
2. นำขาหมูที่หั่นแล้วไปต้ม เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง
3. โขลกกระเทียม พริกไทย และรากผักชี รวมกันให้ละเอียด
4. ใส่ส่วนผสมที่โขลกลงในหม้อต้มขาหมู ตามด้วยเกลือ ต้มต่อสักครู่
5. เทใส่ถาด นำใส่ตู้เย็น จนแข็งตัว หรือในหน้าหนาว ทิ้งไว้ค้างคืน แกงจะแข็งตัวเอง โรยหน้าด้วยผักชีซอยและต้นหอมซอย

แกงกระด้าง บ้างเรียกว่า แกงหมูกระด้าง แกงหมูหนาว นิยมใช้ขาหมูทำ เพราะเป็นส่วนที่มีเอ็นมาก เป็นส่วนที่ทำให้แกงข้น เกาะตัว หรือกระด้างง่าย แต่ปัจจุบันมีการเติมผงวุ้นเย็น เพื่อช่วยให้แกงกระด้างได้ดีและเร็วขึ้น แกงกระด้างมี 2 สูตร คือแบบเชียงใหม่ และแบบเชียงราย สำหรับแกงกระด้างแบบเชียงรายจะใส่เครื่องแกงลงไปขณะต้มขาหมู และจะมีสีส้มจากพริกแห้ง (รัตนา พรหมพิชัย, 2542, 475; ดีกิจ กัณทะกาลังค์, 2550, สัมภาษณ์)

เคล็ดลับในการปรุง/ส่วนผสม

เคล็ดลับในการปรุง
ขาหมูควรเผาไฟก่อน เพื่อให้ขนหลุดออกง่าย

เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม
ขาหมู ควรสดและใหม่ เลือกที่หนังไม่หนาเกินไป